สงสัยพาเพลินรอบรั้วมหาวิทยาลัยไทย
ตอนที่ 6 ... ทรงผมนักเรียน กับเตรียมร่างกฎระเบียบใหม่
ทำไมเราถึงต้องตัดผมเกรียน ? ทำไมหนูต้องตัดให้เหลือแค่ ติ่งหู ? คำถามเหล่านี้ ผู้เขียนเชื่อครับว่าเป็นคำถามที่เยาว์ชนไทยหลายต่อหลายน เกิดคำถามและสงสัยว่า ทำไมกันนะ ? เพราะอะไร เพราะเหตุใด ... เมื่อไม่นานมานี้กระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมปรับระเบียบ กฎกระทรวงว่าด้วยเรื่องทรงผม ... ซึ่งเราจะมาพูดถึง
" ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มันมาเพื่อลดทอนความเป็นมนุษย์ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็กหรือเปล่า ? เพื่อที่เอาไว้จัดประเภทเพื่อที่จะจัดการได้ ... หรือผู้ใหญ่ต้องการจะบอกทางอ้อมว่า เราไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จึงต้องมีเครื่องแบบที่อยู่ภายใต้ผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า นั้นคือ พวกผู้ใหญ่กำลังวางโครงสร้างความสำพันธ์เชิงอำนาจไว้กับร่างกายของตัวเด็ก ซึ่งจะเกี่ยวกับจิตสำนึกของเด็กว่า เขามีความเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ ครู พ่อแม่ ... สามารถเถียงครูด้วยเหตุผล สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นกับครู ผู้ใหญ่ได้ " ( ดัดแปลงจากคำพูดของ คุณคำผกา ที่พูดในรายการคิดเล่นเห็นต่าง )
" ทรงผมมีอำนาจต่อสมอง เพราะ เราถูกฝึกเพื่อให้สยบยอมต่ออำนาจ พอโตขึ้นเราจึงพบเห็นว่าคนไทยที่สยบต่อ "อำนาจนิยม" ในปัจจุบัน แม้จะเป็นผู้ใหญ่ก็ยังพบอยู่ ไม่ยอมตั้งคำถามหรือว่าอะไร เพราะถูกฝังหัวมาจากวัยเด็ก " (คุณ อัด - รายการคิดเล่นเห็นต่าง)
วันนี้เราจะมาพูดถึง " ทรงหัวเกรียน / ทรงติ่งหู " กันครับ ซึ่งผู้เขียนขอแนะนำว่า ให้ดูรายการ คิดเล่นเห็นต่าง จากท้ายของตัวบทความนี้นะครับ จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ...
ความเป็นมาของทรงนักเรียน
ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จากหนังสือพิมพ์มติชนฉบับ 2 พฤศจิกายน 2550 มีคำตอบสรุปความได้ว่า " ประเทศไทยรับทรงผมทรงนักเรียนทั้งเครื่องแบบต่างๆ จากประเทศญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในช่วงสงครามนั้นเกิดเหาระบาดมาก ประชาชนจึงนิยมตัดผมสั้น"
ระเบียบ กฎกระทรวง
กระทรวงศึกษาธิการได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2515) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2518) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515 ในเรื่องเกี่ยวกับทรงผมที่ ไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน กฎกระทรวงฉบับที่ 1 ระบุว่า
1. นักเรียนชายไว้ผมยาว โดยไว้ผมข้างหน้าและกลางศีรษะยาวเกิน 5 เซนติเมตร และชายผมรอบศีรษะไม่ตัดเกรียนชิดผิวหนัง หรือไว้หนวดหรือเครา
2. นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย
กฎกระทรวงฉบับที่ 2 แก้ไขเป็น
1. นักเรียนชายตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผมหรือไว้หนวด ไว้เครา
2. นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย
ดังนั้นโรงเรียนต่าง ๆ จึงอาจมีระเบียบในเรื่องทรงผมที่แตกต่างกันได้ในรายละเอียด แต่ส่วนใหญ่นักเรียนชายมักจะให้ตัดผมสั้นเกรียน และนักเรียนหญิงมักจะให้ตัดผมสั้นในช่วงติ่งหูถึงปกเสื้อนักเรียน
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโรเรียน
ช่วงวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยในการเจริญเติบโตจึงไม่แปลกที่เด็กในวัยดังกล่าวจะเริ่มค้นหาความเป็นตัวของตัวเอง รักสวยรักงาม ( รักหล่อ ) ซึ่งกฎกระทรวงเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียนจึงขัดแย้งอย่างแรงกับพัฒนาการด้านในของเด็ก ๆ ในวัยนี้ เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่เริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับความสวยความงาม (และความหล่อ) เราพบว่าเด็กมัธยมจำนวนไม่น้อยรู้สึกกดดันไปกับกฎเกณฑ์ของโรงเรียนที่เป็นอยู่ นักเรียนหญิงหลายคนแอบไปซอยผม ในขณะที่นักเรียนชายเองก็ต้องการไว้ผมยาวที่มากกว่าทรงลานบิน
ช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงพบเห็นเด็กชายไว้ผมยาว และเด็กหญิงก็เริ่มจะมีการเสริมสวย ซอยผม รักสวยรักงามตามประสาวัยรุ่นครั้งเมื่อเปิดเทอมถ้าใครยังมีทรงผมที่ผิดระเบียบมาโรงเรียน ครูอาจารย์จะมีการลงโทษ หรือที่เรียกว่า ประจาน ด้วยการกร้อนผมทั้งเด็กชายและเด็กหญิงให้เสียทรง ครูอาจารย์จะรู้สึกสนุกและชอบใจที่ได้ลงโทษนักเรียนให้เกิดความอับอายเพื่อจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างกับเด็กคนอื่น ๆ ในขณะที่นักเรียนผู้ถูกลงโทษจะรู้สึกอับอายที่ถูกกร้อนผมเช่นนั้น นักเรียนหญิงและนักเรียนชายบางคนถึงกับร้องไห้เพราะทรงผมที่เสียไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเดินทางกลับบ้านด้วยรถเมล์ ทรงผมที่ถูกกร้อนจะถูกโชว์ไปตลอดทางจนกว่าจะถึงบ้าน นั่นยิ่งทำให้ครูอาจารย์ที่ลงโทษรู้สึกสะใจยิ่งขึ้น ในขณะที่เด็ก ๆ รู้สึกอับอายไม่น้อย
ออกจะเป็นเรื่องเศร้าไม่น้อย ที่ครูอาจารย์หลายคนมิได้มองเห็นว่าวิธีการลงโทษด้วยการกร้อนผมนักเรียนเช่นนั้นเป็นการใช้ ความรุนแรงรูปแบบหนึ่ง กับนักเรียนและดูเป็นเผด็จการไปหน่อย และเป็นเรื่องเศร้าที่ซับซ้อนเมื่อครูอาจารย์จำนวนมากก็มองไม่เห็นว่ากฎกระทรวงกำลังละเมิดสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของเด็ก ๆ อย่างไรบ้าง
ซึ่งน่าใจหายเหมือนกันที่ ผู้ใหญ่หรือคนที่ผ่านช่วงนี้มาแล้ว ลืมไปแล้วว่าตอนตนเองเป็นวัยรุ่นนั้นก็รู้สึกและต้องการอะไร เวลาเห็นวัยรุ่นทำอะไรนอกกฎเกณฑ์ก็มักจะวิพากษ์วิจารณ์โดยลืมมองย้อนกลับไปในอดีตว่าตนเองก็เคยเป็นเหมือนกัน
เหตุผลที่ไม่ควรมีกฎบังคับการตัดผมเกรียน 1
1.ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพราะการเลือกทรงผมไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนเช่นกัน
2.ไร้ซึ่งความจำเป็น เดิมกฎทรงผมเป็นกฎของทหารเพื่อใช้ปลูกฝังการเชื่อฟังคำสั่ง ปลูกฝังอำนาจนิยม และเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา แต่การปลูกฝังอำนาจนิยมทำให้เด็กมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมือง และนักเรียนนักศึกษาไม่ต้องรีบร้อนในชีวิตประจำวัน สามารถดูแลทรงผมได้
3.การใช้กฎทรงผมบังคับเป็นการสร้างภาพลักษณ์เสมือนมีวินัยเนื่องจากระเบียบวินัยที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการบังคับให้ทำ แต่หากเป็นการกระทำออกมาด้วยจิตสำนึก
4.ทำให้เยาวชนคิดไม่เป็นว่าสิ่งที่ทำอยู่ผิดหรือถูก ได้แต่รับคำสั่งไปวันๆ
5.ส่งเสริมให้เยาวชนไม่รักษาสิทธิ เนื่องจากการเลือกทรงผมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลนั้นๆ แต่สถานศึกษากลับเพิกเฉยและตั้งกฎระเบียบอันเข้มงวด ทำให้นักเรียนไม่สามารถรักษาสิทธิของตัวเองได้ นับวันก็จะมีแต่คนหมดหวัง หมดอาลัย ทั้งที่เป็นสิทธิของบุคคลนั้นๆ
6.ปลูกฝังให้เยาวชนละทิ้งเหตุผล เยาวชนหลายคนมีคำถามอยู่ในใจ แต่เมื่อได้รับคำตอบว่า "มันเป็นกฎ" หรือ "เธอไม่พอใจที่จะทำตามกฎ ก็ไม่ต้องเรียน" ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่ดีของคนที่มีการศึกษาและกำลังให้การศึกษาต่ออนุชนรุ่นหลัง เพราะแสดงถึงความไร้เหตุผลอย่างยิ่งยวด ส่วนคนที่ยึดมั่นในเหตุผลและรอคอยคำตอบก็จะถูกมองเป็นพวกก้าวร้าว แล้วจะค่อยๆ ถูกหล่อหลอมเป็นพวกยอมรับกฎโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร เดินไปโดยปราศจากเป้าหมาย เป็นส่วนจากการทิ้งเหตุผลของผู้ใหญ่
7.เป็นการส่งเสริมให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ จากการที่เยาวชนซึมซับการใช้อำนาจของครูของเขาที่ใช้อำนาจอย่างไร้เหตุผลให้เขาตัดทรงผมสั้นโดยไม่มีเหตุผล เขาจะทำตามโดยใช้อำนาจอย่างผิดๆ ทำร้ายคนอื่น
8.ทำให้เกิดการเหยียดหยามดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ บางคนอาจได้ยินผู้ใหญ่ด่าว่าไว้ผมยาวเหมือนฮิปจะไปเป็นนักเลงหรือ นั่นคือการเหยียดหยาม ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ทรงผม จะเป็นคนดี จะสั้นยาวก็ไม่มีปัญหา
9.ทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นสิ่งจอมปลอม และมองข้ามชื่อเสียงที่แท้จริงไป คือคุณภาพของนักเรียนไม่ได้อยู่ที่ทรงผม แต่อยู่ที่คุณภาพของการศึกษาเรียนรู้และคุณภาพจิตใจ
10.ปลูกฝังให้เยาวชนไม่ยอมรับความคิดเห็นผู้อื่น หรือขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย จากที่เห็นได้ว่าเยาวชนต้องการหลุดจากแอกของกฎทรงผม แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะผู้ใหญ่ไม่รับฟังความคิดเห็น เยาวชนจะถูกหล่อหลอมให้เชื่อมั่นความคิดตัวเองมากเกินไปจนไม่ฟังความคิดเห็นผู้อื่น ซึ่งเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย หรืออีกทางหนึ่งสูญเสียความมั่นใจ ทำอะไรก็ผิด เหตุผลดีแค่ไหนก็เท่านั้น เป็นอันตรายกับระบอบการปกครองเช่นกัน
เหตุผลที่ไม่ควรมีกฎบังคับการตัดผมเกรียน 2
ประการแรก เหตุผลของระเบียบทรงผมที่มักถูกกล่าวโดยผู้ใหญ่และครูทั้งหลายนั้น คือ การเกรงกลัวเด็กจะไม่สนใจการเรียน เอาแต่ตามแฟชันและห่วงอยู่กับทรงผมของตน ความคิดข้อนี้ ไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่า จริง เป็นเพียงความเชื่อที่ฝังหัวคนรุ่นเก่าอยู่และไม่คิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไร เด็กทุกคนมีความแตกต่างหลากหลายด้านบุคลิกภาพ มีทั้งเรียบร้อยและตรงกันข้าม ใช่ว่าทุกคนจะ “แรด” เหมือนดังที่ครูบาอาจารย์ใหญ่น้อยทั้งหลายเกรงกลัว การตามแฟชันนั้นย่อมมีขอบเขต เป็นไปไม่ได้ที่เด็กทุกคนจะห่วงแฟชันมากกว่าการเรียนในสภาวะที่การแข่งขันทางการศึกษาในไทยสูงลิบลิ่วขนาดนี้ หากนักเรียนจะเกเรและห่วงใยเส้นผมของตนมากกว่าการเรียนขึ้นมาจริงๆ นั่นเป็นหน้าที่ของครูแนะแนวที่จะให้คำแนะนำ ไม่ควรใช้กฎที่เหมาคนองค์รวมในลักษณะนี้
ประการที่สอง กฎทรงผมมักถูกให้เหตุผลในบางครั้งว่า ป้องกันการเหลื่อมล้ำในหมู่นักเรียน ไม่ให้เกิดการแข่งขันทางความงาม และสิ้นเปลืองเงินไปกับการเสริมสวย ต้องขอให้เหตุผลว่า ความเหลื่อมล้ำนั้นมาในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะ โทรศัพท์มือถือ กระเป๋า และอื่นๆซึ่งมีการแข่งขันที่สูงและมีมูลค่ามหาศาลกว่าค่าทำผมหลายเท่าตัว ความเหลื่อมล้ำนั้นเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างและเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงเกินกว่าที่กฎทรงผมนักเรียนจะหยุดมันได้ หากมองตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดหยุดความเหลื่อมล้ำได้ในสังคมแบบทุนนิยมดังเช่นปัจจุบันนี้
ประการที่สาม กฎทรงผมถูกกล่าวว่า มีประโยชน์ด้านความสะอาดและการควบคุมโรค ในสมัยก่อนนั้นอาจมีความจำเป็นเพราะการแพทย์และสุขอนามัยไม่เจริญเท่าปัจจุบัน แต่ในปัจจุบันนั้น การแพทย์เจริญรุดหน้าไปมาก สุขอนามัยและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็ดีขึ้นมาก การเกิดโรค เช่น โรคเหา จึงควบคุมได้ง่าย ถึงแพร่ระบาดก็สามารถจัดการได้ไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องใช้กฎที่กดทับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเหมาคนองค์รวมในลักษณะนี้อีกต่อไป
ประการที่สี่ ผมนั้นถือเป็นอวัยวะของร่างกายและเจ้าของก็ควรมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการกำหนดความเป็นไปของร่างกายตัวเองตราบเท่าที่ไม่ทำให้ตนเองหรือผู้อื่นเดือดร้อน ไม่ควรมีใครมีอำนาจสั่งการให้ทำลาย หรือทำให้เป็นไปในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง โดยอ้างสิทธิตามระเบียบข้อบังคับ
ประการที่ห้า ในโลกนี้ไม่ได้มีแต่ประเทศไทย โปรดสังเกตความเป็นไปของประเทศรอบข้างว่าเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ทำไมไทยจึงเป็นแค่หนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังคงมีกฎลักษณะนี้อยู่ และประเทศที่ไม่มีกฎทรงผมก็เป็นประเทศที่เจริญแล้วเป็นส่วนใหญ่ และหลายประเทศที่กล่าวมานั้น “ไม่เคยมีการบังคับใช้เรื่องทรงผมในสถานศึกษา” แต่ประเทศเขาก็ยังเจริญรุดหน้าไทยไปได้โดยไม่ต้องมีกฎระเบียบเช่นนี้ โครงการ “โรงเรียนมาตรฐานสากล” ที่โรงเรียนทั้งหลายเฝ้าประโคมเช้าค่ำว่าดีหนักหนานั้น สุดท้ายก็เป็นแค่ความ “ปากว่า ตาขยิบ” ของสถานศึกษา หากไม่สนใจดูโลกภาย(อันเป็นสากล)ว่ามีความเจริญรุดหน้าและมีความเป็นไปเพียงใดแล้ว
ประการที่หก สถานศึกษาในประเทศนี้ไม่ได้มีระเบียบเรื่องทรงผมทุกแห่ง แต่มักจะพบมากในโรงเรียนสายสามัญ โรงเรียนสายสามัญบางแห่งในประเทศไทยให้อิสรภาพเรื่องทรงผม รวมไปโรงเรียนสายอาชีพ ซึ่งทรงผมที่มีอิสรภาพนั้นก็ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาแต่อย่างใด หากจะทำให้ทุกโรงเรียนมีความเท่าเทียมโดยไว้ทรงผมได้อิสระเหมือนกัน ก็ไม่ใช่ปัญหา ไม่ต้องเกรงกลัวว่าทรงผมที่อิสระจะทำให้เยาวชนนั้นเกเร นักเรียนสายสามัญไม่ได้เกเรเป็นอยู่พวกเดียว ไม่ว่าใครก็เกเรได้ทั้งนั้น และหากว่าอิสรภาพจะทำให้เด็กเกเรจริงๆ สถาบันการศึกษาสายอาชีพทั้งหลาย ก็คงจะพบกับความล้มเหลวไปนานแล้ว
สิทธิของเด็ก กับทรงผม
ฝากเก็บให้ไปคิด !!!
" แต่สงสัยจังว่าไอ้คนที่มันถกเถียงประเด็นนี้ในยุคนั้น มันกำลังทำอะไรกันอยู่ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาเหล่านั้นจะกล้าตั้งคำถาม เมื่อถูกคนเอาเปรียบ เมื่อพบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมมั้ย ? หรือได้แต่ก้มหน้าก้มตาฟังคำสั่งของชนชั้นปกครองไปวันๆ " - จ่าพิชิต แห่ง Drama-Addict.com
" การต่อสู้เรียกร้องเพื่อเสรีภาพนั้นไม่ใช่การทำลายระเบียบวินัยอย่างที่หลายฝ่ายเกรงกลัว ทุกคนทราบดีว่าเสรีภาพนั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น ขณะเดียวกัน กฎระเบียบเองก็ไม่ได้มีกฎไหนที่สมบูรณ์แบบ จะต้องคงอยู่ต่อไปชั่วกัลปาวสาน ไม่งั้นคงไม่มีการแก้ไขกฎหมาย หรือการแปรญัตติรัฐธรรมนูญ " - สมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย
" กรณีครูกร้อนผมนักเรียนให้เสียทรง จนนักเรียนต้องอับอาย ร้องไห้ จะมีใครรู้สึกบ้างหรือไม่ว่านั่นคือการใช้อำนาจเผด็จการแบบเนียน ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ในขณะที่สังคมนอกโรงเรียน ผู้ใหญ่ต้องการและเรียกร้องเอาประชาธิปไตยกันแทบเป็นแทบตาย แต่ผู้ใหญ่เองกลับใช้อำนาจเผด็จการกับเด็ก ๆ ซึ่งก็ดูขัดแย้งกันอย่างไรชอบกล " - หนึ่งลมหายใจ ( นามแฝง )
" ผมมองว่า การตัดผมเกรียนเนี้ยไม่ได้ทำให้เราเรียนดีขึ้น หรือมีระเบียบวินัยขึ้นเลย ... ถ้าเราลองมาตรรกะแบบง่ายๆ ทำไมพวกคนไม่ดีต่างๆ ตอนเด็กๆ พวกเขาเหล่านั้นก็ตัดผมเกรียน แต่ทำไม ??? เมื่อโตขึ้นถึงเป็นคนเช่นนั้น ??? ... หากบอกว่าเรียนดีขึ้น จากการที่ตัดผมเกรียนมา เมื่อ 2515 ( ถ้าจำไม่ผิด ) จนถึงทุกวันนี้ ประเทศไทยมีผลการศึกษาติด 1 ใน 5 อันดับที่แย่ที่สุดในโลก ??? นั้นก็แสดงให้เห็นแล้วครับว่า " ทรงผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลของการศึกษาจริง " เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ในหลายๆ ประเทศก็คงให้คนในชาติเขา "ตัดผมเกรียนกันทั้งประเทศ ทั้งโลกแล้วละครับ " ... ส่วนการฝึกระเบียบวินัยนั้น การถูกบังคับให้ตายยังไง สุดท้ายก็ใช้ไม่ได้หรอกครับ สู้สอนเด็กดีกว่าว่า ทำอย่างไรให้เหมาะกับกาลเทสะ น่าจะดีเสียกว่า " พุงหล่อ (Handsome - Belly )
แหล่งข้อมูล